กระท่อม พืชเศรษฐกิจหรือพืชเสพติด
หลายคนอาจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เมื่อพูดถึงใบกระท่อม
ต้นกระท่อม เพราะในประเทศไทยใบกระท่อมเป็นสารเสพติด ตาม
พรบ.ยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ออกฤทธิ์โดยการกระตุ้นประสาท
คือทำให้ผู้เสพมีความขยันทำงาน เสพแล้วมีแรง ทนแดด
กระท่อม เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางสูง 10-15 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวสีเขียว เรียงตัวเป็นคู่ตรงข้าม
แผ่นใบขนาดกว้างประมาณ 5-10 ซม. ยาวประมาณ 8-14 ซม. ดอกมีสีขาวอมเหลืองออกเป็นช่อตุ้มกลมขนาด 3-5 ซม. จะพบมากในป่าธรรมชาติบริเวณภาคใต้ เช่น สุราษฎร์ธานี
นครศรีธรรมราช ตรัง สตูลพัทลุง สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส
และตอนบนของประเทศมาเลเซีย
ต้องขอบอกกก่อนเลยน้ะครับว่า กระท่อม
ในมาเลเซียประเทศร่วมอาเซียนของเรานี่ไม่ผิดกฎหมายน้ะครับ
ที่ทราบมาในมาเลเซียเขาใช้ในการทำงานและใช้เพื่อเป็นยารักษาโรค
เพราะในกระท่อมมีสรรพคุณทางยาอย่างมากมายโดยผ่านการวิจัยจากแพทย์แผนปัจจุบันและในอดีตในตำราหมอบ้านก็ระบุว่าใช้เป็นยาเช่นกัน
ทั้งรักษาท้องร่วง เบาหวานและแก้ปวดเมื่อย
ซึ่งตอนแรกก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมในมาเลเซียถึงถูกกฎหมายแต่ในไทยถึงผิดกฎหมาย
เลยเข้าไปถามน้า น้าเป็นหนุ่มวัยกลางคน เป็นคนกว้างขวางในจังหวัด
‘’แกคิดว่ากระท่อมนี่ไม่ใช่ยาเสพติดน้ะ
แกมีเพื่อนอยู่อยู่คนหนึ่ง
ในตอนนั้นเพื่อนของแกทำงานขับรถบรรทุกขนของทางไกล
เพื่อนแกก็เล่าว่า
กระท่อมเพราะจะทำให้แก้ง่วง
สู้งาน แก้เมื่อย แก้เหนื่อย
แต่พวกที่กินใบกระท่อมนี่จะทำให้กลัวฝน
เพราะเวลาฝนตกนี่จะรู้สึกหนาวมากกว่าคนปกติดที่ไม่ได้กิน
“
และน้าแกก็ยังบอกทิ้งท้ายไว้ว่า
”ที่แกคิดว่ากระท่อมมันไม่ใช่ยาเสพติดก็เพราะว่า
แกยังไม่เคยเห็นคนกินกระท่อมแล้วไปยืนเอามีดจี้คอคนอื่น
หรือกินกระท่อมแล้วไปขับรถชนคนอื่นนี่ก็ไม่มี
ส่วนไปที่ขับรถชนคนอื่นตายนี่ก็มีแต่พวกที่กินเหล้า
จริงๆเหล้ายังน่าจะเป็นยาเสพติดมากกว่ากระท่อมซะอีก”
ต้องบอกก่อนเลยว่าใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้กระท่อมนี่เป็นอะไรที่ฮิตกันมากเลย วัยรุ่นคนไหนไม่เคยเห็นหรือกินกระท่อมนี่ถือว่าเชยสุดๆ
ซึ่งตัวผมเองก็เคยได้ไปนั่งร่วมวงกับเพื่อนๆที่กินกระท่อมอยู่หลายต่อหลายหน
ก็ยังไม่เห็นเพื่อนมีอาการเหมือนที่น้าบอก เพื่อนๆที่ไปเรียนที่มาเลเซียกลับมาก็เล่าให้ฟังว่า
“ที่มาเลเซียเนี่ยเขากินกระท่อมกันไม่เหมือนที่นี่น้ะ ที่มาเลเซียคือเอาใบกระท่อมไปต้มเล้วก็ยกมากินกันเหมือนที่เรากินชาหรือกาแฟ
แต่ที่นี่แปลกๆผสมนู้นนี่นั่นมั่วไปหมด”
เพื่อนก็ยังบอกอีกว่าที่มาเลเซีย
ใบกระท่อมนี่ขายดีมาก คนมาเลเซียบางคนปลูกกันเป็นสวนๆ
หลายๆคนแอบนำมาขายในประเทศไทย เพราะในไทยเขานิยมกินกันมาก
ใบกระท่อมที่นำมาขายกันในประเทศไทยตกกิโลกรัมละ 900-1200 บาท
เพราะในไทยกระท่อมเป็นยาเสพติดเลยทำให้หายากและทำให้ราคาสูงตามไปด้วย
เมื่อกฎหมายของสองประเทศต่างกัน หลายๆอย่างก็เกิดขึ้น
เช่นการลักลอบนำใบกระท่อมจากมาเลเซียเข้ามาในประเทศไทย ตามที่เห็นในข่าวกันบ่อยๆ ซึ่งก็อาจทำให้เป็นปัญหาอีกเมื่อมีการเปิดเขตการค้าเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ก็จะมีการลักลอบนำเข้ามามากขึ้น เลยมีการคิดกันว่าจะนำเอากระท่อมออกจาก
พรบ.ยาเสพติดให้โทษ
แต่ก็ต้องล้มเลิกไปเพราะเหตุผลที่ว่าวัยรุ่นในภาคใต้และภาคกลางบางส่วนนำใบกระท่อมมาผสมกับสิ่งต่างๆเช่น
ยาแก้ไอ น้ำอัดลมสีดำยี่ห้อค. ยากันยุง ขี้เถ้าเผาศพ ผงหลอดไฟ เป็นต้น
โดยส่วนตัวคิดว่าในไปกระท่อมไม่น่าจะมีสารที่ทำให้เกิดอาการติดอยู่
แต่สิ่งที่ทำให้วัยรุ่นติดกันก็คือยาแก้ไอ เพราะในยาแก้ไอมีสารต่างๆอยู่หลายๆสารซึ่งอาจจะทำให้เกิดอาการติดยาก็เป็นได้
ซึ่งหากในทางกลับกันคือถ้าเกิดมีการยกเลิกกระท่อมออกจาก
พรบ.ยาเสพติดให้โทษ
กระท่อมก็อาจจะกลายมาเป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งของอาเซียนก็ได้
เพราะกระท่อมสามารถเติบโตได้ดีในแถบภาคใต้และตอนบนของมาเลเซีย
และด้วยสรรพคุณต่างๆแล้วน่าจะมีการนำไปผลิตต่อยอดได้ อาจจะเป็นทั้ง
- ยารักษาโรค
เพราะกระท่อมทั้งสามารถกินเป็นยาแก้ท้องร่วง เบาหวาน
- ผลิตภัณฑ์ต่างๆ
กระท่อมเป็นพืชยืนต้นและเนื้อไม้ของพืชยืนต้นก็จะมีความคงทนแข็งแรง
- เครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะกระท่อมมีสรรพคุณแก้ง่วง ทำให้มีแรง
อีกทั้งยังราคาถูก
ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเกี่ยวกับการยกเลิกกระท่อมออกจาก
พรบ.ยาเสพติดให้โทษ ล่าสุดที่มีข่าวกันก็เมื่อ กันยายน 2556
แต่ก็เป็นข่าวใหญ่ได้ไม่นานสุดท้ายเรื่องก็เงียบ
เข้าใจว่าการยกเลิกอะไรต้องใช้เวลา แต่ 3
ปีแล้วที่ข่าวนี้เงียบและอีกไม่นานปลายปีนี้ก็จะเปิดการค้าเสรี ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
แล้วและถ้ายังไม่มีอะไรคืบหน้า แน่นอนครับว่าจะมีผลกระทบแน่นอน
ที่ผมเขียนบทความนี้อาจจะมีเนื่อหาอิงไปทางสนับสนุนแต่แน่นอนครับ
ถ้าหากไม่ยกเลิกกระท่อมออกจาก
พรบ.ยาเสพติดให้โทษก็น่าจะมีมาตรการอะไรหรือการที่จะหารือป้องกัน ยับยัง การนำเข้ากระท่อมจากประเทศเพื่อนบ้าน
เพราะการเปิดการค้าเสรีจะทำให้การลักลอบนำเข้าง่ายขึ้นแต่การทำงาน ของ ป.ป.ส.
กรมศุลกากรและกรมตรวจคนเข้าเมือง มีความยากลำบากขึ้นแน่นอน
ถึงจะไม่ทำให้หายไปเลยแต่ก็คิดว่าหากหลายๆฝ่ายร่วมมือกันหาทางยับยั้ง
ขบวนการขนย้ายของผิดกฎหมายก็น่าจะลดลงไปบ้าง
-ขออนุญาตินำภาพจากอินเทอร์เน็ตมาลง ขและขออภัยหากเป็นภาพที่ไม่สมควร
@TheHungerGee